สวัสดีค่ะ ทุก ๆ คน ช่วงนี้เหนื่อยค่ะ งานเยอะจริง ๆ เยอะไม่พอด่วนอีกต่างหาก อย่างเมื่อวานนี้หัวหน้าไห้งานตอนเที่ยงบอกว่าด่วนพิเศษ เราก็นั่งทำลั้นลา ๆ ผ่านไป 10 นาที หัวหน้าเข้ามาถาม งานที่ให้ทำอ่ะให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงได้ไหม เง้อออ (อึ้ง กึมกี่ไปชั่วขณะ) แล้วตอบเบา ๆ ว่าจะพยายามค่ะ 5555+ ปั่นเขียนโปรแกรมนิ้วแทบจะง่อยรับปะทาน ง้าาา.. เป่งลูกจ้างเค้าก็งี้แหละ สวยทึกและต้องบึกบึน อิอิ บ่น ๆ ๆ อิอิ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7yPCNgi-0nKX-LrEHKDXveLUlqy5WhE8YJtzH4MDKqyfmfeOy-eS01tx-TlVEmDVffaiNUFqMR57Ht7gKzfoDfZF2K6hRqJ5MoSOv8UQfUaz75Cz2HuhcAzAdFcmd-yLfHbOfSPP5jM1N/s320/06605_Pusae_l.jpg)
พิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะหรือ ประเพณีเลี้ยงดง พิธีกรรมที่มีการกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางและวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากมาย ถึงความสยดสยองของการกินเลือดและเนื้อควายสดๆ ของร่างทรงปู่แสะ กล่าวกันว่าเป็นพิธีที่ชาว ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สืบทอดกันมาหลายร้อยปี โดยพิธีบวงสรวงปู่แสะ ย่าแสะ หรือประเพณีเลี้ยงดงนั้น จะจัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี และในปีนี้ตรงกับวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาค่ะ (จะเขียนเรื่องนี้มาตั้งนานล่ะ ไม่มีโอกาสซะที) โดยพิธีกรรมเริ่มขึ้นที่ศาลปู่และย่าแสะ ที่เชิงเขาวัดดอยคำ เพื่ออัญเชิญพระบฏหรือภาพเขียนพระพุทธเจ้าและดวงวิญญาณปู่แสะย่าแสะผ่านร่าง ทรงที่เรียกว่า "ม้าขี่" ไปยังสถานที่จัดพิธีเลี้ยงดง บริเวณป่าเชิงเขาทางทิศตะวันออกของวัดพระธาตุดอยคำ สำหรับเรื่องราวของปู่แสะ ย่าแสะนั้น เล่าสืบต่อกันมาว่า ปู่แสะย่าแสะคือยักษ์ 2 ตนที่อยู่ในตำนาน เป็นยักษ์นิสัยดุร้าย ชอบกินเนื้อคนและสัตว์เป็นอาหาร เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์ ทราบความเข้าจึงห้ามยักษ์สองตนไม่ให้กินคน ยักษ์จึงต่อรองขอกินสัตว์หูยาวแทนและเมื่อละเว้นการฆ่าคนได้ พระพุทธเจ้าจึงให้ยักษ์ 2 ตน เป็นผู้ดูแลรักษาดอยคำและดอยสุเทพให้ผู้คนที่อยู่อาศัยอยู่บนดอยนั้นอยู่ เย็นเป็นสุข ต่อมาในสมัยของพระเมกุฏิ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทุกข์เข็ญอย่างมาก จึงเชื่อกันว่าเพราะเจ้าเมืองไม่มีการทำพิธีเซ่นไหว้ปู่แสะ ย่าแสะ กระทั่งในสมัยของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย ในราวปี พ.ศ.2452-2482 จึงได้มีการฟื้นฟูประเพณีเลี้ยงดงหรือ พิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะ ขึ้นอีกครั้งทำให้บ้านเมืองมีความเจริญ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0F4R6lViYU6HZlNB9RLAun_JRZh1isH23RsfhxbiHl7UWEjlDe0JR3geFRqvVQFawXSq2KPZ7hDoax9XUK9vNVb4HN9uaAQ1fjjG84WSF8WJwXY0rYmRBR3TcIN8gi60aoJpLWmkzKEso/s320/pusaeyasae.jpg)
ไม่ใช่ว่าบ้านเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนหรอกนะคะ แต่หัวใจของพิธีก็เพื่อให้ผู้มาร่วมพิธีกรรมและทุกคนประกอบแต่กรรม ดี และรู้สึกสำนึกรักษ์ป่าและผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัยค่ะ
Pu Sae - Ya Sae Ceremony (June)
A particularly gruesome animist ceremony still performed by some in Chiang Mai.
![](http://www.chiangmainews.com/aboutchiangmai/images/pusae.jpg)
So it is that once a year at the beginning of the rainy season, usually in May, a buffalo is ritually sacrificed. Formerly the Prince of Chiang Mai presided over the ceremony, which was also attended by Buddhist monks. This very ancient occasion now seems to be an attempt to bring together Shamanism and Buddhism and also to unite the Lawa people, some of whom still live in the area, and the Thais who replaced them.
In the words of the Pu Sae - Ya Sae invocation, 'Let not the rice of the Lawa die in their swiddens; let not the rice of the Thai wither and die in their paddies.' Clearly the association between Lawa and Northern Thai is both long and close.
travel and food,Thailand
Post a Comment
ว๊าย!
พิธีนี้พี่แตบขอบายนะคะ ถึงจะทราบมาว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาช้านาน แต่ก็สงสารควายมากๆค่ะ(ฟังดูเหมือนเป็นคนดียังไงไม่รู้)
วันนี้วันศุกร์ไปแอ่วไหนหรือเปล่าคะน้องเมโม่?
เหนื่อยกับงานมาแล้ว ก็พักผ่อนช่วงวันหยุดให้มากๆ และอย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ จุ๊บๆ ค่ะ
Post a Comment